Lidia Poet ประวัติ (26 สิงหาคม พ.ศ. 2398 – 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2492) เป็นทนายความหญิงชาวอิตาลีสมัยใหม่คนแรก การปลดอาวุธของเธอนำไปสู่การเคลื่อนไหวเพื่อให้ผู้หญิงสามารถปฏิบัติตามกฎหมายและดำรงตำแหน่งสาธารณะในอิตาลี
Lidia Poet ประวัติ อาชีพ
Lidia Poet ประวัติ เกิดในปี 1855 ในหมู่บ้านเล็ก ๆ ของ Traverse ชุมชน Perrero ใน Valle Germanasca เธอผ่านการทดสอบด้านกฎหมายที่มหาวิทยาลัยตูริน คณะนิติศาสตร์ และได้รับปริญญาเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2424 เป็นเวลาสองปีต่อจากนั้นเธอ “เข้าร่วม นิติเวช” ในห้องทำงานของทนายความและช่วยเหลือในการพิจารณาของศาล จากนั้นเธอก็เข้ารับการทดสอบทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติของ Order of Advocates of Turin และได้รับการอนุมัติด้วยคะแนนเสียง 45 จาก 50 เสียง จึงได้ลงทะเบียนเป็นทนายความ (albo degli avvocati) เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2426
อย่างไรก็ตามการลงทะเบียนของผู้หญิงคนหนึ่งในรายชื่อ “ไม่ได้ทำให้พอใจ” สำนักงานอัยการสูงสุด (อัยการสูงสุด) ซึ่งยื่นเรื่องร้องเรียนต่อศาลอุทธรณ์เมืองตูริน แม้จะมีการโต้แย้ง ข้อโต้แย้ง และตัวอย่างของทนายความหญิงในประเทศอื่นๆ (เช่น คลารา เอส. โฟลทซ์) อัยการสูงสุดก็แย้งว่ากฎหมายและนโยบายสาธารณะห้ามไม่ให้ผู้หญิงเข้าไปในกลุ่มอาสาสมัคร ต่อมาศาลอุทธรณ์พบว่าการลงทะเบียนของPoëtผิดกฎหมาย เธอยื่นอุทธรณ์ต่อศาลฎีกาแห่ง Cassation แต่คำตัดสินของศาลชั้นต้นได้รับการยืนยันแล้ว
การอภิปรายเกี่ยวกับสตรีและวิชาชีพทางกฎหมายในอิตาลี
เกิดการถกเถียงในที่สาธารณะ โดยมีหนังสือพิมพ์อิตาลี 25 ฉบับที่สนับสนุนบทบาทสาธารณะของผู้หญิง และมีเพียง 3 ฉบับที่คัดค้าน พวกที่ต่อต้านคำกล่าวที่ว่าผู้ชายเพียงคนเดียวที่สนับสนุนบทบาทสาธารณะของผู้หญิงก็คือพวกโสดที่ยังไม่ได้แต่งงาน อาจารย์ที่มหาวิทยาลัยปาดัวชื่อทาเวอร์นีสัมภาษณ์รัฐมนตรีอเมริกันประจำอิตาลี วิลเลียม วอลดอร์ฟ แอสเตอร์ และรายงานว่าเขากล่าวว่า “ความคิดเห็นของสาธารณชนชาวอเมริกันไม่สนับสนุนการใช้วิชาชีพของผู้หญิง ตราบเท่าที่แพทย์หญิง นักกฎหมาย ฯลฯ ที่ปฏิบัติงานในอเมริกา ไม่ได้เป็นของชนชั้นสูงด้านการเงินหรือสติปัญญา” อย่างไรก็ตาม ทาแวร์นีเองก็ชอบชีวิตสาธารณะสำหรับผู้หญิง เพราะจะช่วยผู้หญิงอิตาลีที่ยังไม่ได้แต่งงานจำนวน 250,000 คน ซึ่งหากสังคมไม่มอบบทบาทให้กับพวกเธอ ก็จะใช้ชีวิตแบบพวกทำลายล้าง[ต้องการอ้างอิง]
Poët ทำงานในสำนักงานกฎหมายของพี่ชายของเธอหลังจากที่ Corte Suprema di Cassazione ขัดขวางไม่ให้เธอรับเข้าเป็นผู้สนับสนุนสมาคมเนติบัณฑิตยสภาแห่งตูรินในปี พ.ศ. 2427 สิ่งที่น่าสนใจคือ Poët ทำงานของผู้สนับสนุนแม้ว่าเธอจะลงนามในจดหมายหรือร้องขอในศาลไม่ได้ก็ตาม เมื่อพี่ชายของเธอเดินทางไปวิชีในแต่ละปี เธอก็รับช่วงต่อการปฏิบัตินี้โดยสิ้นเชิง และเมื่อจำเป็น เธอก็ค้นหาเพื่อนร่วมงานชายเพื่อร้องขอต่อศาลในนามของลูกความของเธอ
นอกเหนือจากทั้งหมดนี้ คำถามหลักยังอยู่ที่ว่าสามีจะต้องรับผิดชอบต่อภรรยาของเขาหรือไม่ และในการสร้างกฎเกณฑ์นั้น คำที่เป็นเพศชายนั้นมีไว้สำหรับผู้ชายเท่านั้นหรือไม่ แม้แต่ในปี 1996 ทนายความหญิงก็ถูกเรียกขานว่า “นางสาว” หรือ “นาง”
ชีวิตต่อมา
ตลอดชีวิตของเธอ Poët มีส่วนร่วมในขบวนการสตรีสากล[ต้องการอ้างอิง] ภายใต้กฎหมายn. มาตรา 1176 เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2462 ผู้หญิงได้รับอนุญาตให้ดำรงตำแหน่งราชการบางแห่งได้ จนกระทั่งถึงปี 1920 Lidia Poët ซึ่งเป็นหญิงวัย 65 ปี ได้เข้าเป็นสมาชิกในบันทึกของสมาชิกสภาทนายความ และได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการว่าเป็นทนายความ เมื่อในที่สุดก็ได้ลงทะเบียนในรายชื่อผู้สนับสนุนในตูริน
การอ้างอิงในวัฒนธรรมสมัยนิยม
ชีวิตของลิเดีย โปเอต์มีสไตล์ในซีรีส์ทาง Netflix เรื่อง The Law Based ของลิเดีย โปเอต์ และรับบทโดยมาทิลดา เด แองเจลิส
รีวิว The Law According To Lidia Poet ย้อนยุคเรื่องจริงทนายสาวทวงสิทธิสตรี
ซีรีส์อิตาลีย้อนยุคแนวทนายที่แฝงการต่อสู้สิทธิสตรีจากเค้าโครงเรื่องจริง ที่มีความหวาน รัก ตลก สืบสวน ผสมกันค่อนข้างกลมกล่อมกำลังดี โดยเดินเรื่องจบในตอน 1 คดีสั้นๆ มีจุดเชื่อมโยงแต่ละตอนเป็นการพัฒนาความสัมพันธ์ของลิเดียกับพี่ชาย คนรัก และความพยายามยื่นอุธรณ์การถอนใบอนุญาตทนายของเธอ ซึ่งจุดนี้คือเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ของจริง ส่วนคดีในแต่ละตอนคือเรื่องราวที่แต่งขึ้นมาเสริมให้สนุกขึ้น โดยคดีทั้ง 6 ตอนจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องจริงในประวัติศาสตร์นั้นเลย ส่วนหนึ่งก็เพราะเนื้อหาเรื่องจริงตรงนั้นค่อนข้างน้อย เป็นแค่แบ็คกราวด์เสริมตัวละครลิเดียให้มีชื่อเสียงขึ้นมาเท่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องใหม่มากในยุคนั้นที่ผู้หญิงแม้แต่การขี่จักรยานก็ยังถือว่าเป็นอะไรที่ไม่เหมาะสม ในเรื่องเราจะเห็นลิเดียทำสิ่งที่เป็นปกติในปัจจุบัน แต่กลับกลายเป็นของแปลกหรือสิ่งต้องห้ามมากมายในยุคนั้น ผู้หญิงมีหน้าที่แค่หาคู่มีครอบครัวมีลูกแค่นั้นพอ (ในเรื่องลิเดียได้เรียนกฎหมายเพราะหนีออกจากบ้านหลังพ่อที่พยายามจับเธอแต่งงาน)
คดีในเรื่องทั้ง 6 ตอนทั้งหมดจะเป็นคดีฆาตกรรม และจำเลยที่ถูกกล่าวหามักจะเป็นคนชนชั้นล่างในสังคม โดยลิเดียจะเข้าไปช่วยโดยอาศัยตำแหน่งผู้ช่วยทนายของพี่ชาย ซึ่งจริงๆ เธอก็ยังไม่มีสิทธินี้ด้วยเพราะถูกถอนใบอนุญาต และไม่มีสิทธิเข้าไปในศาล การทำงานในเรื่องเลยเป็นแนวสืบสวนหาข้อมูลของลิเดีย ซึ่งเอาจริงๆ แทบจะไม่มีเรื่องข้อกฎหมายมาเกี่ยวเลย ลิเดียเป็นเหมือนนักสืบอัจฉริยะที่ปะติดปะต่อเรื่องราวในคดีหาคนร้ายได้เก่งมาก แถมยังวางแผนจับคนร้ายตัวจริงร่วมกับพี่ชาย บางตอนก็ลงมือจับเองเลยด้วย ฉากในศาลของเรื่องก็มีน้อยมาก จนแทบจะเรียกว่าเป็นซีรีส์กฎหมายตามชื่อเรื่องก็คงไม่ได้ เรียกว่าเป็นซีรีส์สืบสวนของลิเดียน่าจะตรงกว่า
สิ่งที่โดดเด่นของเรื่องจริงๆ คืองานโปรดักชั่นมากกว่า เรียกว่าสัมผัสได้ตั้งแต่เปิดเรื่องตอนแรกๆ เลยว่านี่เป็นซีรีส์ที่วางเซ็ตติ้งย้อนยุคแล้วทำได้สวยสมจริงมาก ทั้งเครื่องแต่งกายย้อนยุคสวยๆ ที่ลิเดียใส่ทุกตอน รายละเอียดบ้านเมือง ผู้คน องค์ประกอบแสงสีละมุนแบบเก่าๆ เสียงรอบทิศทางหลายฉากก็ทำได้ดี ทำให้การรับชมเรื่องนี้ดูเพลินตามาก
ตัวนักแสดงเรื่องนี้ Matilda De Angelis สวยมีเสน่ห์เด่นชัดมาก เธอก็เล่นในบทบาทสาวหัวรั้นได้น่ารักหมาะกับบทบาท แถมยังเล่นฉาก SEX ได้เปลืองตัวมาก เพราะแค่ฉากต้นๆ ในตอนเปิดตัวก็เปลือยนู๊ด SEX ซีนกันแบบจะๆ และก็ยังใส่ฉากแบบนี้ไว้หลายครั้งด้วย แต่ก็ไม่ถึงกับเป็นหนังอีโรติกเน้นสร้างอารมณ์อะไรแบบนั้น เป็นฉากแนวผู้หญิงหัวสมัยใหม่กับความสัมพันธ์แบบเฟรนด์วิทเบเนฟิท (Friend with benefits) เพื่อนนอน ที่ในเรื่องใส่ไว้เป็นปมความรักแทรกเพิ่ม
หลายอย่างในเรื่องถือว่ากลมกล่อม ทำให้เรื่องดูสนุกเบาๆ เพลินๆ ได้ไม่ยาก แต่ด้วยความเบาๆ ของเรื่องก็ทำให้บทเฉลยคนร้ายในทุกตอนดูง่ายมาก แบบแทบจะไม่มีอะไรให้ลุ้นเลยสักนิด ทั้งที่ตัวคดีและระหว่างสืบสวนก็ทำได้ดีพอสมควร (บางตอนใช้วิทยาศาสตร์มาช่วยไขคดีด้วย)
ตัวเรื่องจบ 6 ตอน แต่ไม่ใช่ลิมิเต็ดซีรีส์ เลยจบแบบค้างเผื่อไว้นิดๆ เหมือนมีต่อ แต่ก็ดูได้เลยไม่มีปัญหาคาใจอะไรครับ Lidia Poet ประวัติ